วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

ใจคนยากแท้หยั่งถึง

มีบทกลอนบทหนึ่ง ยังจำได้ดี
"แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนดถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน"
มีบางเหตุการณ์ที่ได้ยินได้ฟังมาแล้วทำให้เกิดความไม่สบายใจ.........ถึงจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตรงกับตนเอง แต่พอฟังแล้วก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้น เอ...หรือว่าเราจะฟังความข้างเดียวนะ เอาล่ะลองคิดใคร่ครวญ โดยลองสมมติว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นกับเรา....เราจะทำอย่างไร............ก่อนอื่น เราต้องพยายามขจัดอคติ ขจัดความมีอยู่ ความดำรงอยู่ตามที่เป็นจริง หรือเราอุปทานไปเอง หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เกิดเป็นตัวเรา ที่สำคัญคือ "กลไกการป้องกันตนเอง" ที่ปุถุชนอย่างเรามักจะใช้จนเป็นความปกติ ความถูกต้อง ตามที่เราคิดได้อย่างเสรีเพื่อให้ตัวของฉัน สบายใจ ในทุกๆครั้งที่เราเกิดความไม่พึงพอใจ คือ มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นแล้วเราคับข้องใจ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้เกิดจากคนอื่นเลย แต่เกิดจาก ตัวเรา จิตเราคิดปรุงแต่งทั้งนั้น แต่เราก็มักจะป้ายสีให้คนอื่นได้มีส่วนผิดอยู่เสมอ เพื่อให้ตัวเราสบายใจ ถ้าเป็นอย่างหลัง เราก็จะมุ่งไปตราหน้าคนอื่นทันทีว่าเขาเป็นคนทำร้ายเรา เขาผิด เราถูก ไอ้ความคิดบ้าบอเหล่านี้จะส่งผลให้เรากระทำต่ออีกฝ่ายให้ได้รับความเจ็บปวด แล้วเราก็จะหลอกตัวเองว่า เรามีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น มีความสุขที่ได้ประชดประชัน ได้จัดการ ได้ทำร้ายคู่กรณีของเรา แต่หารู้ไม่ว่า ความคิดดังกล่าวมันได้แผดเผาตัวเราให้สกปรกมอดไหม้ด้วยอาสวะกิเลสที่ชั่วร้าย แล้วเราก็จะไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เรากำลังคิดและทำอยู่มันคือการทำร้ายทั้งตนเองและผู้อื่น ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอจนเกิดเป็นความเคยชินแล้วจะติดตัวกลายเป็นอุปนิสัย บุคคลนั้นจะเป็นคนที่มีอำนาจก็จริง เพราะใครๆก็ยำเกรง (กลัวจะเดือดร้อน) แต่เขาจะไม่ได้รับความรักและความจริงใจจากใครเลย และตัวเขาก็จะไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ชื่นชมกับอำนาจ กับบารมีที่จอมปลอม เพราะบารมีนั้นไม่ได้เกิดจากคุณงามความดีที่บริสุทธิ์ แต่เกิดจากความไม่รู้ (อวิชชา)ของบุคคลผู้นั้น
เคยทดลองกับตนเองเหมือนกันว่าจะพิจารณาบทธรรมข้อนี้ได้ไหม... ปรากฏว่า ใจของตนเองเมื่อเกิดกับความคับข้องใจ จะยังใช้กลไกการป้องกันตนเองอยู่ เพื่อให้ตนเองสบายใจ เมื่อรู้สึกโกรธไม่พอใจมากๆจะเกรี้ยวกราดเหมือนกัน แต่จะไม่แสดงออก ถ้อยคำสบถก็ออกมา แต่ยังอยู่ในใจ สักพักหนึ่งพอความรู้สึกมันรุนแรงมากขึ้นก็จะเริ่มร้อน และรู้ตัว ในระหว่างนี้ สติเริ่มเกิด จะเริ่มพิจารณาหาหนทางแก้ไข จะละความรู้สึกโกรธ ควบคุมตนเอง และใช้ "พลังแห่งความเมตตา" กำหนดความคิดของตนเสียใหม่ แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ
"ไม่รู้สิ ถึงเราจะเป็นคนธรรมดามีรัก โลภ โกรธ หลง แต่ก็เชื่อในบุญและบาป และดีใจทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาแล้วยังมีลมหายใจ เพราะฉะนั้นถึงจะยังละกิเลสไม่ได้ เพราะยังติดเหลือเกินกับชีวิตที่แสนจะรื่นรมย์ แต่ก็ฉลาดพอที่จะใช้ชีวิตโดยไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น......."

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

............

คนทุกคนคาดหวังที่จะมีความสุข
คนทุกคนย่อมอยากจะเป็นที่รักของคนอื่น
คนทุกคนคาดหวังที่จะได้รับการยอมรับนับถือ
คนทุกคนคาดหวังที่จะได้รับความยุติธรรม

คนทุกคนต้องเข้าใจว่าเราไม่สามารถมีความสุขได้ตลอดเวลา
ในสักวันหนึ่งคุณย่อมพบเจอกับวิกฤตของชีวิต
คุณอาจจะได้รับฟังคำพูดที่บิดเบือนความจริง
ได้รับการดูถูก เหยียดหยามเมื่อคุณล้มลง
นี่คือ "ความจริง" ไม่มีใครรักคุณได้ทุกคนหรอก

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

....สิ่งที่เหลืออยู่...

              นี่มันปีใหม่แล้วจริงๆเหรอ?......โลกไม่แตก  กรุงเทพฯไม่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น  คำถามธรรมดาๆแบบนี้ได้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อผ่านเทศกาลส่งท้ายปีเก่า.....ยังมีอะไรเหลืออีกบ้างนะที่เราต้องการในชีวิต....ความฝันของเราเป็นจริงขึ้นกี่อย่างแล้ว...ปีนี้เราได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง / เพื่อคนอื่นบ้างหรือยัง..ความสำเร็จคือ?  .....ฯลฯ
แล้วมันก็เวิ่นเว้ออยู่อย่างนั้น??????????????????????????????
???????????????????????????????????????????????????????
??????????????????????????????????????????????????????
????????????????????????????????